การสังคายนาครั้งต่อๆมา
ครั้งที่ 2
การทำสังคายนาครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 100
ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประเทศอินเดีย โดยมีพระยสะ กากัณฑกบุตร
เป็นผู้ชักชวน พระเถระผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมทำสังคายนาครั้งนี้ได้แก่ พระสัพพกามี
พระสาฬหะ พระขุชชโสภิตะ พระวาสภคามิกะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาจีนกะ) พระเรวตะ
พระสัมภูตะ สาณวาสี พระยสะ กากัณฑกบุตร และพระสุมนะ (ทั้งสี่รูปนี้เป็นชาวปาฐา)
ในการนี้พระเรวตะทำหน้าที่เป็นประธานผู้คอยซักถาม
และพระสัพพกามีเป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อวินัย
การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 700 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 8
เดือน จึงเสร็จสิ้น
ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พระยสะ
กากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุวัชชีบุตร เช่น
ควรเก็บเกลือไว้ในเขาสัตว์เพื่อรับประทานได้ ควรฉันอาหารยามวิกาลได้
ควรรับเงินทองได้ เป็นต้น พระยสะ กากัณฑกบุตรจึงชวนพระเถระต่างๆ
ให้ช่วยกันวินิจฉัย แก้ความถือผิดครั้งนี้
โดยรายละเอียดของปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สอง
มีกล่าวถึงในพระวินัยปิฎก จุลลวรรค
แม้ในวินัยปิฎกจะไม่กล่าวถึงคำว่าพระไตรปิฎกในการปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สองเลย
แต่ในสมันตัปปาสาทิกา ซึ่งเป็นอรรถกถาอธิบายวินัยปิฎกนั้น
บอกว่าการจัดหมวดหมู่คำสอนของพระพุทธศาสนาให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างพระไตรปิฎกนั้น
มีมาตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนาแล้ว
พระมหากัสสปเถระ
พระบรมนามาภิไธย ปิปผลิ
พระอิสริยยศ ตระกูลกษัตริย์แห่งราชวงศ์หารยังกะ
ราชวงศ์ ราชวงศ์หารยังกะ
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระราชบิดา กปิลพราหมณ์
พระราชมารดา สุมนเทวีพราหมณี
พระมเหสี นางภัททกาปิลามี
ครั้งที่ 3
การทำสังคายนาครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 235
ที่อโศการาม กรุงปาฏลีบุตร ประเทศอินเดีย โดยมีพระโมคคลีบุตร ติสสเถระ เป็นประธาน
การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 1,000 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 9
เดือน จึงเสร็จสิ้น
ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ
มีพวกเดียรถีย์ หรือนักบวชศาสนาอื่นมาปลอมบวช
แล้วแสดงลัทธิศาสนาและความเห็นของตนว่าเป็นพระพุทธศาสนา พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ
จึงได้ขอความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอโศกมหาราชสังคายนาพระธรรมวินัยเพื่อกำจัดความเห็นของพวกเดียรถีย์ออกไป
ในการทำสังคายนาครั้งนี้ พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ
ได้แต่งคัมภีร์กถาวัตถุ ซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมไว้ด้วย
และเมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว ก็มีการส่งคณะทูตไปประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ
ในที่นี้มีพระมหินทเถระ ผู้เป็นโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช
ที่นำพระพุทธศานาไปประดิษฐานในลังกา รวมทั้งพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระ
ที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ยังดินแดนสุวรรณภูมิด้วย
ครั้งที่ 4
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 643
ที่เมืองชาลันธร แต่บางหลักฐานก็กล่าวว่าทำที่กัศมีร์
การสังคายนาครั้งนี้มีลักษณะของศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเข้ามาผสม
ทำให้ฝ่ายเถรวาทไม่นับว่าเป็นหนึ่งในการสังคายนา
ในการสังคายนาครั้งนี้มีพระภิกษุมา 800 รูปและใช้เวลา 1 ปีเต็ม
และมีพระอับปาหัมเถระเป็นประธาน
ครั้งที่ 5
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 460
ที่อาโลกเลณสถาน มตเลชนบท ประเทศศรีลังกา โดยมีพระรักขิตมหาเถระเป็นประธาน
การทำสังคายนาครั้งนี้เพื่อต้องการจารึกพระพุทธวัจนะเป็นลายลักษณ์อักษรมีพระฤทธิ์เดชเป็นผู้ถามและมีพระรำเคนเป็นผู้ตอบและมีจำนวนพระภิกษุสงมา
1200 รูปใช้เวลาการสังคายนา 10 เดือน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น