บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2015

ธรรมะก่อนวันพระ

รูปภาพ
ชีวิตที่รู้จักการปล่อยวาง คือชีวิตที่ห่างไกลจากทุกข์ ธรรมะ นั้นปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้  และใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้  ปฏิบัติเมื่อไหร่ ที่ไหน? ทุกข์ก็ไม่เกิดเมื่อนั้น ที่นั่น ! เพราะที่จริงธรรมะปฏิบัติที่ใจ ไม่ใช่สถานที่ สถานที่เป็นเพียงปัจจัยเอื้อเท่านั้นเอง หน้าที่ของเรานั้น ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของผล หากเหตุดี ผลก็ย่อมดี เหตุไม่ดี ผลก็ย่อมไม่ดี เป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่สำคัญที่สุดคือการไม่รู้หน้าที่ นั่นแหละที่ทำให้เราเสื่อม  *********** ขอเพียงมี "สติ" ... อยู่ตลอดเวลา พิจารณาถึงการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่าย อสุภะ กัมมัฏฐาน วิปัสสนาญาณ พิจารณาถึง โลกธรรม การได้ การเสีย การพลัดพราก เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็ รู้เท่าทันในสิ่งนั้น รู้เท่าทันสุข รู้เท่าทันทุกข์ ว่า มีเกิดมีดับเป็นของธรรมดา ******************* สุขที่เกิดจากการปรุงแต่ง ไม่สุขแท้เท่ากับความสุขที่เกิดจากปัญญา         เพราะความสุขที่เกิดจากสิ่งที่ปรุงแต่งมันไม่จีรังยั่งยืน มันไม่ถาวร และเราก็ต้องเหนื่อยกับการปรุงแต่งนั้นเรื่อยๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งผ
รูปภาพ
ทำบุญกับคนอิจฉา ………………… คนขี้อิจฉาเนี่ย เราแก้นิสัยเขาไม่ได้หรอก เพราะไม่ว่าจะยังไง แม้แต่ลมหายใจเข้ าออกของเราเขาก็อิจฉา มาแก้ที่ตัวเรากัน ………………… สิ่งที่คนขี้อิจฉามักกระทำก็คือ นินทา ว่าร้ายผู้อื่น ที่มีมากกว่าตน  ดีกว่าตน สูงกว่าตน มีคนรักนับถือมากกว่าตน เนื่องจากคนพวกนี้ ไม่มีอะไรที่ดีพอจะสู้คนอื่นได้ เรื่องเดียวที่พอจะกำจัดคนที่ ตนอิจฉาได้ ก็คือการใส่ร้ายป้ายสี ปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ความ ใส่ไฟ …………………. เมื่อมองไปยังคุณสมบัติคนเหล่ านี้ พิจารณากันอย่างถี่ถ้วน คนพวกนี้ไม่มีต้นทุนในตนแต่ ประการใดเลย น่าเวทนา สมเพช ด้วยซ้ำ เรียนไม่เก่ง ทำงานไม่คล่อง รู้น้อยแต่ไม่พัฒนา ขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่รู้จักการแบ่งปันเสียสละ มักได้ใคร่มีในสิ่งที่เกินกำลัง เกินสติปัญญา ชอบเอารัดเอาเปรียบจนไม่มีใครคบ ฯลฯ …………………. เป็นคนขาดความสุขในชีวิตจริง ร้อนทุรนทุรายเพราะไฟอิจฉามันคุ อยู่ในอก จึงต้องหาทางระบายออกด้วยการนิ นทาคนโน้น ด่าคนนี้ ใส่ไฟคนนั้น ไปเรื่อยเปื่อย เพื่อเป็นการต่อชีวิตตนเอง ก่อนที่ธาตุไฟจะแตก จนตัวเองตายเสียก่อน ………………… และหากคนที่โดนนินทาว่าร้ายต่ างๆนานาเป็นเราล่ะ ก

ธรรมะจากพระพุทธเจ้า...

ธรรมะจากพระพุทธเจ้า...         พระพุทธเจ้าตรัสรู้ใน กฎความจริงของโลกและชีวิต ... หรือ กฎของอริยสัจ หรืออริยสัจ ๔ หมายถึง... พระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องทุกข์กับการดับทุกข์เท่านั้น...              อริยสัจ ๔ ประกอบด้วยความจริง ๔ อย่าง ดังนี้...              ๑. ทุกข์     =     ทุกข์...              ๒. สมุทัย   =     เหตุของทุกข์...              ๓. นิโรธ    =     ความดับทุกข์...              ๔. มรรค    =     หนทางแห่งการดับทุกข์...               พระพุทธเจ้าทรงเป็น สัพพัญญู (ผู้รู้)... และเป็น โลกวิทูคือ ทรงรู้จริง... รู้แจ้ง ... ของโลกและชีวิตทั้ง โลกภายในและโลกภายนอก ... หมายถึงรู้แจ้ง สภาวะแห่งโลก ... รวมทั้งรู้เรื่อง ในสังขาร ... ทั้งหลายและอัธยาศัยสันดานของสัตว์โลก... จากนั้นพระพุทธเจ้าได้นำเอาคำสอน... ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มา... สอนคนให้มีดวงตาเห็นธรรมให้ดับทุกข์ได้... ซึ่งมีทั้งคนธรรมดาทั่วไปและมีทั้ง... เจ้าฟ้า... เจ้าแผ่นดินมากมาย...         พระพุทธองค์สอนให้ น้อมเข้ามาดูตน ให้มา พิจารณาตน แม้การบวชก็ขออย่าเพียงแต่ บวชกาย ให้บวชใจด้วย การบวชใจสำคัญกว่าการบวชกาย เพ

ขนลุก...น้ำตาไหล "เหตุผล :The Reason" (Official HD) : ไทยประกันชีวิต Thai Life Insurance

รูปภาพ