ตำนานพระปริตร

ตำนานพระปริตร 2
บท นมการสิทธิคาถา
โย จักขุมา โมหะมลาปกัฏโฐ
สามัง ว พุทโธ สุคโต วิมุตโต
มารัสสะ ปาสา วินิโม จะยันโต
ปาเปสิ เขมัง ชะนะตัง วิเนยยัง
พุทธัง วรันตัง สิรสา นมามิ
โลกัสสะ นาถัญจะ วินายะกัญจะ
ตันเตชสาเต ชยะสิท ธิ โหตุ
สัพพัน ตรายา จะวินา สะเมนตุ

พระพุทธเจ้าพระองค์ใด มีพระปัญญาจักขุ
ขจัดมนทิน คือ โมหะเสียได้ ตรัสรู้แล้ว
เป็นผู้เสด็จไปดี ทรงหลุดพ้นวิเศษด้วยพระองค์เองแล้ว 
ทรงช่วยชุมนุมชน อันเป็นเวไนย ให้พ้นจากบ่วงแห่งมาร
ให้บรรลุถึงความเกษมด้วย ข้าพเจ้าขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า
ซึ่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐพระองค์นั้น
ขอความมีชัยและความสะเร็จ จงมีแด่ท่าน
และขออันตรายทั้งปวงจงถึงความพินาศไป

ธัมโม ธ โชโย วิยะ ตัสสะ สัตถุ
ทัสเสสิ โลกัสสะ วิสุท ธิ มัคคัง
นิยยานิโก ธัมมัสสะธารี
สาตา วโห สันติ กโร
สุจิณโณ ธัมมัง วรัญตัง สิรสา นมามิ
โมหัปปะทาลัง อุปสัน ตะทาหัง
ตันเต ชสาเต ชยะสิท ธิ โหตุ
สัพพันตรายา จะวินา สเมนตุ

พระธรรมเจ้าใด เป็นประดุจธงชัยของพระศาสดาพระองค์นั้น
ชี้ทางความวิสุทธิ์แก่ชาวโลก
เป็นคุณนำสัตว์ออกไปจากทุกข์ คุ้มครองผู้ทรงธรรม
บุคคลประพฤติดีแล้ว นำความสุขใจมาให้
ทำให้ได้รับความสงบ
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมด้วนเศียรเกล้า
ซึ่งพระธรรมเจ้าอันประเสริฐนั้น อันทำลายเสียได้ซึ่งโมหะ
เป็นคุณระงับความเร่าร้อนได้สนิท
ด้วยเดชแห่งคุณพระธรรมเจ้านั้น
ขอความมีชัยและความสำเร็จ จงมีแด่ท่าน 
และขออันตรายทั้งปวงจงถึงความพินาศไป

สัทธัม มะเสนา สุคตา นุโยโค
โลกัสสะ ปาปู ปกิเล สะเชตา
สันโต สะยัง สันติ นิโย ชะโก จ
สวากขา ตะธัมมัง วิธิตัง กโรติ
สังฆัง วรันตัง สิรสา นมามิ
พุทธา นุ พุทธัง
สมะสี ละทิฏฐิง
ตันเต ชสาเต ชยสิท ธิ โหตุ
สัพพัน ตรายา จะวินา สเมนตุ

พระสงฆ์เจ้าใด เป็นธรรมเสนา ดำเนินตามพระสุคตเจ้า
กำราบเสียได้ซึ่งเหล่าบาปและอุปกิเลสแห่งโลก
เป็นผู้สงบเองด้วย ชักนำผู้อื่นในความสงบด้วย
เผยแผ่พระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสดีแล้ว
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมด้วยเศียรเกล้า
ซึ่งพระสงฆ์เจ้าผู้ประเสริฐนั้น ผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้า
มีศีลและความเห็นเสมอกัน
ด้วยเดชแห่งพระสงฆ์เจ้านั้น
ขอความมีชัยและความสำเร็จจงมีแด่ท่าน
และขออัตรายทั้งปวงจงถึงความพินาศไป

           * บท สัมพุทเธ และบท นมการสิทธิคาถา ต่ละบทสวดต่อไตรสรณคมน์ โบราณใช้สัมพุทเธตลอด ไม่ทราบว่าท่านผู้ใด รจนาในครั้งใด ยุคเฟื่องบาลีในครั้งก่อนก็เห็นจะในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สัมพุทเธ อาจจะรจนาในยุคนั้น พร้อมๆกันกับมงคลจักวาลใหญ่ มงคลจักรวาลน้อยและพาหุง
         ใจความของบทสัมพุทเธ ก็คือนมัสการพระุพุทธเจ้า ซึ่งมีจำนวนมากมายหนักหนาในอดีต คือหมายความว่า ในกัปที่ล่วงๆแล้วไม่รู้ว่ากี่อสงไขย มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วปรินิพพานไปมากล้นพ้นที่จะประมาณ นมัสการมากๆองค์ทำให้มีความรู้สึกว่าจะได้รับอานุภาพมากๆเข้า ช่วยป้องกันอันตรายได้มาก
               ครั้นต่อมาการศึกษาทางพระพุทธศาสนาในยุครัตนโกสินทร์เฟื่องฟูขึ้น ท่านเห็นว่าบทสัมพุทเธนั้น แต่งขึ้นตามคติ ข้างมหายาน ไม่น่าศรัทธา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงได้ทรงพระนิพนธ์นมการสิทธิคาถาขึ้นใหม่ โปรดให้ใช้สวดแทนบท สัมพุทเธ แต่บางแห่ง พระก็ยังสวด สัมพุทเธ อยู่





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความโศกย่อมเกิดจากความรัก

ภาพุทธประวัติและบรรยาย

มหาสังฆทาน